การทำศัลยกรรมดึงหน้าแบบ ไฮ-แสมซ (High-SMAS)

การทำศัลยกรรมดึงหน้าแบบไฮ-แสมซ (High-SMAS Facelift) คืออะไร


การศัลยกรรมดึงหน้าแบบ ไฮ-แสมซ เป็นการศัลยกรรมดึงหน้าขั้นแอดวานซ์บริเวณเนื้อเยื่อชั้นสแมซ ซึ่งจะให้ผลลัพธ์ในการดึงหน้าที่ดีที่สุด ใบหน้าที่ดูมีอายุไม่ได้มีสาเหตุมาจากผิวหนังเพียงอย่างเดียว แต่ยังมาจากชั้นไขมันใต้ผิวหนังและชั้นพิเศษที่เรียกว่าสแมซ (SMAS หรือ Superficial Musculoaponeurotic System) ซึ่งสอดแทรกอยู่บริเวณชั้นผิวหนังกับกล้ามเนื้อใบหน้า

วิธีการศัลยกรรมดึงหน้าแบบดั้งเดิมเป็นการยกเพียงแค่แผ่นผิวหนังชั้นบนขึ้น ซึ่งไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่ยืนยาว และไม่เห็นผลบริเวณใต้โหนกแก้ม ยิ่งไปกว่านั้นการศัลยกรรมดึงหน้าแบบดั้งเดิมยังทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อยลงเมื่อเวลาล่วงเลยไป อีกทั้งยังทำให้เกิดรอยแยกระหว่างชั้นผิวหนังด้านบนกับชันสแมซ ซึ่งทำให้เกิดเป็นรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ตามเส้นผ่ากรีดในท้ายที่สุด รอยกรีดนี้ควรถูกเย็บลึกลงไปใต้ชั้นผิวหนังเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรอยแผลเป็น

SMAS layer

วิธีการศัลยกรรม แม็คซ์-ลิฟท์ (MACS-Lift หรือ Minimal Access Cranial Suspension) เป็นอีกวิธีศัลยกรรมดึงหน้าที่ถูกนำมาใช้เมื่อไม่นานมานี้ โดยที่จะทำการลอกผิวและเย็บผิวหนังชั้นสแมซให้ตึงด้วยไหมชนิดหนา วิธีการนี้ทำให้การแสดงออกทางสีหน้ารู้สึกไม่เป็นธรรมชาติ และไม่ได้ช่วยเรื่องความหย่อนคล้อยบริเวณด้านหน้าของใบหน้าและขากรรไกร อีกทั้งผลลัพธ์จะอยู่เพียงแค่ไม่กี่เดือนหากผิวหนังชั้นสแมซไม่ได้รับการลอก


ตามที่กล่าวไว้ด้านบน ผิวหนังชั้นสแมซควรได้รับการลอกไปกับผิวหนังและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังเพื่อผลลัพธ์ที่ประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามเทคนิควิธีการดึงหน้าแบบสแมซสามารถให้ผลแค่บริเวณคางและมุมปากซึ่งนับเป็นหนึ่งในสามของใบหน้าทั้งหมด ส่วนอื่น ๆ เช่น บริเวณกลางหน้า (ร่องแก้ม แก้ม และโหนกแก้ม) ไม่ได้ถูกยกขึ้นเท่าที่ควร ทำให้สัดส่วนของใบหน้าไม่สมดุลกัน

HIGH-SMAS FACELIFT SURGERY METHOD

การศัลยกรรมดึงหน้าแบบ ไฮ-แสมซ (High-SMAS) ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อปรับปรุงข้อเสียของวิธีการศัลยกรรมทั้งสองวิธีข้างต้น วิธีการดึงหน้าชนิดนี้เป็นการลอกเอาผิวหนังและเนื้อเยื่อชั้นสแมซ ขึ้นไปจนถึงด้านบนของโหนกแก้มด้วยวิธีที่ปลอดภัย อีกทั้งยังทำให้การลอกเอาเนื้อเยื่อที่หย่อนยาน (ผิวหนัง, เนื้อเยื่อไขมัน, เนื้อเยื่อชั้นสแมซ) ออกจากกล้ามเนื้อใบหน้าเพื่อนำกลับคืนไปที่จุดเดิม


วิธีการนี้ยังมีประสิทธิภาพมากในการลบร่องแก้มโดยที่มันจะทำการฟื้นฟูเหี่ยวย่นบริเวณกลางใบหน้า รวมถึงขากรรไกรและแก้มที่หย่อนยาน ซึ่งจะทำให้ใบหน้าดูเป็นธรรมชาติและไม่ทำให้รู้สึกตึงที่บริเวณมุมปาก

และถ้าหากมีการฉีดไขมันด้วยเทคนิคไมโครแฟท (micro-fat grafting) ร่วมกับกับการดึงหน้าแบบ ไฮ-แสมซ เพื่อเติมเต็มริ้วรอยข้างใบหน้า ร่องแก้ม มุมปาก ตา และบริเวณคาง จะยิ่งทำให้ผลลัพธ์ของการดึงหน้าออกมามีประสิทธิภาพเต็มที่และอยู่ได้ยาวนาน

การทำทั้งสองอย่างนี้ควบคู่ไปพร้อมกันจะทำให้คุณสามารถมีใบหน้าที่ดูเป็นธรรมชาติและอ่อนเยาว์ ผลลัพธ์ที่ออกมาจะเป็นแบบกึ่งถาวร อย่างไรก็ตามต้องอาศัยแพทย์ที่มากประสบการณ์และความรู้ในการทำศัลยกรรมเหล่านี้ มิฉะนั้นอาจทำให้เส้นประสาทบนใบหน้าได้รับความเสียหาย หรือทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ขาดความเป็นธรรมชาติ

เรามีความภูมิใจอย่างยิ่งที่จะบอกทุกท่านว่าศูนย์การศัลยกรรมเสริมความงามนานาชาติVIPได้สั่งสมประสบการณ์ด้านการศัลยกรรมดึงหน้าไฮ-สแมซและการศัลยกรรมชนิดอื่น ๆ มามากกว่า 24 ปี ลูกค้าของเราต่างตระหนักถึงคุณภาพสูงสุดของการศัลยกรรมและบริการที่เรามอบให้ เราได้ทำการผ่าตัดศัลยกรรมที่เกี่ยวข้องกับการชะลอวัยและการเสริมจมูกแทบจะทุกวัน และกำลังเป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทั่วโลก

ข้อความจากคุณหมอ


ความชราเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกคนและไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ริ้วรอยก่อนวัยเกิดจากความหย่อนคล้อยของชั้นผิวหนังไปจนถึงชั้นสแมซที่อยู่ลึกที่สุด ซึ่งนั่นทำให้ผิวหนังบริเวณใบหน้าและลำคอเกิดการเหี่ยวย่น ริ้วรอยและผิวที่หย่อนคล้อยไม่มากสามารถทำการรักษาโดยการฉีดฟิลเลอร์หรือร้อยไหม แต่มันไม่ได้ช่วยต้นตอของความเหี่ยวย่นซึ่งอยู่ในชั้นที่ลึกที่สุดของผิวหนัง การทำศัลยกรรมดึงหน้าแบบไฮ-สแมซเป็นการปฏิวัติรูปแบบการดึงหน้าเพื่อชะลอวัย เนื่องจากมันสามารถให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติสูงสุด และอยู่ได้ยาวนานกว่าการทำศัลยกรรมดึงหน้าแบบอื่น ๆ การดึงหน้าแบบไฮ-สแมซเป็นการลอกชั้นผิวที่อยู่ลึกที่สุด ทั้งบริเวณโหนกแก้ม แก้ม ใจกลางใบหน้า และขากรรไกร ซึ่งการดึงหน้าแบบอื่น ๆ ไม่สามารถทำได้ การศัลยกรรมชนิดนี้จะไม่ทำใหใบหน้าของคุณดูเป็น “พลาสติก” เพราะผิวหนังที่หย่อนยานด้านในสุดของชั้นผิวจะถูกลอกออก ทำให้แทบจะไม่เห็นรอยแผลเป็นจากการผ่ากรีด

ข้อมูลการผ่าตัดศัลยกรรม


  • เวลาในการผ่าตัด:     ประมาณ 3 ชั่วโมง
  • ประเภทของยาชาที่ใช้:     ยาสงบประสาท (IV Sedation) หรือยาสลบ (General Anesthesia)
  • ระยะเวลารักษาตัวในโรงพยาบาล:     1 วัน
  • การตัดไหม:     4-7 วัน
  • ระยะเวลาพักฟื้น:     1-2 สัปดาห์

ขั้นตอนการทำศัลยกรรมดึงหน้าแบบไฮ-สแมซ เปรียบเทียบกับแบบอื่น ๆ


ขั้นตอนการทำศัลยกรรมดึงหน้าแบบไฮ-สแมซ (High-SMAS Facelift)

บริเวณที่เห็นผล: ใบหน้าโดยรวมและกลางใบหน้า, ร่องแก้ม, โหนกแก้มม แก้ม, ขากรรไกร, คาง, ลำคอ (ตัวเลือกเสริม)

TEMPLE LIFT SURGERY METHOD

ขั้นตอน  01กำหนดเส้นการผ่ากรีดเริ่มตั้งแต่ไรผมไปยังหูด้านใน ติ่งหู และด้านหลังหู
TEMPLE LIFT SURGERY METHOD

ขั้นตอน  02ทำการผ่ากรีดตามเส้นเพื่อแยกชั้นแสมซที่อยู่ใต้เนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง แล้วดึงขึ้นไปตามทิศทางที่จะทำให้ใบหน้าดูเป็นธรรมชาต
TEMPLE LIFT SURGERY METHOD

ขั้นตอน  03ทำการพิจารณารอยเหี่ยวย่นและความซับซ้อนของลักษณะการสร้างริ้วรอยของผิวในแต่ละบุคคล ตัดผิวหนังส่วนเกินและเนื้อเยื่อไขมันออก ดึงผิวให้แน่นและเย็บเข้าด้วยกัน
ขั้นตอนการศัลยกรรมดึงขมับ (Temple Lift)

บริเวณที่เห็นผล: ดวงตาที่หย่อนยาน, ร่องแก้ม, คิ้ว (เนื่องมาจากความเหี่ยวย่นบริเวณขมับ)

MINIMUM INCISION FACELIFT SURGERY METHOD

ขั้นตอน  01กำหนดเส้นการผ่ากรีดบริเวณไรผมด้านใน
MINIMUM INCISION FACELIFT SURGERY METHOD

ขั้นตอน  02ทำการผ่ากรีดตามเส้นเพื่อแยกชั้นแสมซที่อยู่ใต้เนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง แล้วดึงบริเวณขมับขึ้น
MINIMUM INCISION FACELIFT SURGERY METHOD

ขั้นตอน  03ทำการพิจารณาความยากและความซับซ้อนของลักษณะการสร้างริ้วรอยของผิวในแต่ละบุคคล ตัดผิวหนังและไขมันส่วนเกินออก ทำการเย็บแผลด้านในไรผมเพื่อไม่ให้ปรากฎรอยเย็บ
ขั้นตอนการศัลยกรรมดึงหน้าโดยการผ่ากรีดแบบเล็ก (Minimum Incision Facelift)

บริเวณที่เห็นผล: แก้มบางส่วน, บริเวณกลางใบหน้าบางส่วน, ขากรรไกรบางส่วน เนื่องจากการศัลยกรรมชนิดนี้เป็นแบบเล็ก แพทย์จึงไม่สามารถควบคุมผลลัพธ์ได้แบบเต็มรูปแบบ

High smas facelift surgery method

ขั้นตอน  01กำหนดเส้นการผ่ากรีดเริ่มตั้งแต่ไรผมไปยังหูด้านใน ติ่งหู และด้านหลังหู
High smas facelift surgery method

ขั้นตอน  02ทำการผ่ากรีดตามเส้นเพื่อแยกชั้นแสมซที่อยู่ใต้เนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง แล้วดึงชั้นผิวหนังและชั้นสแมซขึ้นพร้อมกัน
High smas facelift surgery method

ขั้นตอน  03ทำการพิจารณารอยเหี่ยวย่นและความซับซ้อนของลักษณะการสร้างริ้วรอยของผิวในแต่ละบุคคล ตัดผิวหนังส่วนเกินและเนื้อเยื่อไขมันออก ดึงผิวให้แน่นและเย็บเข้าด้วยกัน

การเปรียบเทียบความแตกต่างของการศัลยกรรมดึงหน้าชนิดต่าง ๆ



High-SMAS Facelift surgery area

การศัลยกรรมดึงหน้าแบบไฮ-สแมซการดึงหน้าแบบไฮ-สแมซเป็นการทำศัลยกรรมใบหน้าโดยรวมที่มีประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะช่วยรักษาความหย่อนยานของผิวหนังและริ้วรอยบริเวณกลางใบหน้า ร่องแก้ม แก้ม ขากรรไกร และลำคอ
Temple Lift surgery area

การศัลยกรรมดึงขมับการดึงขมับเป็นการทำศัลยกรรมบริเวณด้านข้างคิ้ว ดวงตา และร่องแก้ม โดยใช้วิธีเอาไขมันและผิวหนังส่วนเกินออกไป แล้วยกขึ้น
Minimum Incision Facelift surgery area

การศัลยกรรมดึงหน้าโดยการผ่ากรีดแบบเล็กการดึงหน้าโดยผ่ากรีดแบบเล็กเป็นการศัลยกรรมที่ช่วยทำให้บริเวณแก้มและขากรรไกรตึงขึ้น ซึ่งต่างจากการดึงหน้าแบบไฮ-สแมซที่เป็นการดึงหน้าโดยรวม

ทำไมการศัลยกรรมดึงหน้าแบบไฮ-สแมซจึงดีกว่าวิธีอื่น?



01) ให้ผลลัพธ์แบบกึ่งถาวร การศัลยกรรมชนิดนี้เป็นการแยกชั้นเนื้อเยื่อสแมซ แล้วทำการตัดทิ้งผิวหนังส่วนเกินและเนื้อเยื่อไขมันออกไป รอบแผลกรีดจะถูกเย็บอย่างแน่นซึ่งจะให้ผลลัพธ์ที่เกือบจะถาวร

02) ทำให้สามารถเคลื่อนไหวใบหน้าเวลาแสดงอารมณ์ความรู้สึกได้อย่างเป็นธรรมชาติ เนื้อเยื่อส่วนที่หย่อนคล้อยและเนื้อเยื่อชั้นสแมซจะถูกลอกออกมาจากกล้ามเนื้อใบหน้า และวางลงบนตำแหน่งดั้งเดิมของมัน ขั้นตอนนี้จะไม่ทำให้เกิดความเสียหายกับกล้ามเนื้อใบหน้า

เมื่อเปรียบเทียบการศัลยกรรมดึงหน้าแบบไฮ-สแมซแล้ว การดึงหน้าแบบแม็คซ์-ลิฟท์เพียงแค่ลอกผิวแล้วเย็บเนื้อเยื่อชั้นสแมซด้วยไหมละลาย ซึ่งไม่ได้มีการแยกชั้นกล้ามเนื้อใบหน้าออกมาก่อนที่จะเย็บเนื้อเยื่อชั้นสแมซ ด้วยเหตุนี้การเคลื่อไหวใบหน้าเพื่อแสดงอารมณ์จึงทำได้อย่างไม่เป็นธรรมชาต

03) ผลลัพธ์จากวิธีการดึงหน้าที่นุ่มนวลและเป็นธรรมชาติ การดึงหน้าแบบไฮ-สแมซให้ผลโดยรวมทั้งใบหน้า ทั้งโหนกแก้มด้านบน บริเวณขมับ ร่องแก้ม แก้ม ขากรรไกร และลำคอ ต่างได้รับผลดีจากการทำศัลยกรรมชนิดนี้ไปด้วย

04) หลงเหลือแผลเป็นน้อยที่สุด (แทบจะมองไม่เห็น) การศัลยกรรมดึงหน้าทั่ว ๆ ไปมักจะทิ้งรอยแผลเป็นขนาดใหญ่บริเวณด้านหน้าของใบหู แต่การทำศัลยกรรมดึงหน้าแบบไฮ-สแมซที่VIPสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ การผ่ากรีดจะถูกทำบริเวณใกล้กับแนวกระดูกอ่อนของใบหูเพื่อไม่ให้เห็นร่องรอยเมื่อมองจากด้านหน้า จากนั้นใช้เทคนิควิธีการฝังรากผมไปตามแนวเส้นผ่ากรีดเพื่อให้เส้นผมงอกออกมาจากบริเวณดังกล่าว โดยทั่วไปแล้วการผ่ากรีดจะถูกทำด้านหลังของใบหูและไรผม แม้ว่าในช่วงหลายเดือนแรกของการพักฟื้น (อย่างต่ำหก เดือน) รอยแดงจะยังคงอยู่ แต่จะค่อย ๆ จางไปใน 6-12 เดือน

05) ใบหูไม่เปลี่ยนรูป เนื้อเยื่อผิวหนังและเนื้อเยื่อชั้นสแมซที่หย่อนยานจะถูกแยกออกจากกล้ามเนื้อใบหน้า และนำไปยึดเข้ากับพังผืดบริเวณขมับเพื่อให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ เนื้อเยื่อบริเวณรอบ ๆ ใบหูจะถูกแยกห่างออกจากจุดผ่าตัดและจุดเย็บแผลเพื่อลดการผิดรูปของใบหู การผ่ากรีดจะถูกทำอย่างเบามือเพื่อให้แผลเป็นมีน้อยที่สุด

06) เนื้อเยื่อผิวหนังส่วนเกินสามารถถูกนำมาใช้ในการปลูกถ่ายเพื่อเสริมร่องแก้มให้กับตัวเอง บางท่านอาจมีความกังวลเรื่องร่องแก้มลึกซึ่งทำให้แลดูมีอายุ ถ้าหากลูกค้ามีปริมาณเนื้อเยื่อส่วนเกินที่มากพอ เราสามารถนำมาเพาะที่บริเวณร่องแก้มเพื่อทำให้ดูตื้นขึ้น

ผู้ที่เหมาะกับการทำศัลยกรรมดึงหน้าแบบไฮ-สแมซ


01    ผู้ที่ต้องการเห็นผลจากการดึงหน้าทั่วทั้งใบหน้า

02    ผู้ที่อยากทำศัลยกรรมดึงหน้าแต่มีความยืดหยุ่นของผิวต่ำ

03    ผู้ที่รู้สึกว่าการร้อยไหมหรือการยกกกระชับใบหน้าแบบไม่ศัลยกรรมยังไม่ตอบโจทย

04    ผู้ที่เคยทำการศัลยกรรมดึงหน้ามาแล้วแต่อยากยกกระชับให้เห็นผลทั้งใบหน้า

05    ผู้ที่มีผิวหนังหย่อนคล้อยเนื่องมาจากการผ่าตัดศัลยกรรมขากรรไกร

เราจะดูแลรักษาใบหน้าหลังการทำศัลยกรรมดึงหน้าแบบไฮ-สแมซได้อย่างไร?


หลังจากการทำศัลยกรรมดึงหน้าแบบไฮ-สแมซแล้ว เราแนะนำให้ลูกค้าฉีดไขมันเพิ่มสัดส่วนบนใบหน้าควบคู่ไปด้วย ถึงแม้ว่าแต่ละท่านมีวิธีการดูแลรักษาใบหน้าหลังการทำศัลยกรรมที่แตกต่างกัน การฉีดไขมันบนใบหน้าอย่างต่อเนื่องในช่วง 1 ถึง 3 ปีแรกจะสามารถช่วยให้ผลลัพธ์จากการดึงหน้าอยู่ได้อย่างยาวนาน การดูแลรักษาแบบอื่น ๆ เช่น การทำเลเซอร์ การทำทรีทเมนต์ผิว และวิธีการฉีดยาเข้าสู่ผิวสามารถช่วยรักษาใบหน้าหลังการศัลยกรรมได้เช่นกัน



ติดต่อเรา

สำหรับการรับคำปรึกษาออนไลน์ฟรีหรือเพื่อทำการนัดหมาย โปรดกรอก แบบฟอร์ม ด้านล่างนี้ สำหรับการรับคำปรึกษาผ่าน Whatsapp โปรดติดต่อ +82-10-5059-6626